วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560



                                
  ชื่อโครงงาน   ตีความบทกลอน ม.ปลาย 




ช่วงชั้นที่ 4 (ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4-6)


       กระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายกำหนดให้มีการท่องอาขยาน อย่างจริงจังในสถานศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2542 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ของการท่องอาขยาน เพื่อให้นักเรียนตระหนักในคุณค่าของภาษาไทย และให้ซาบซึ้งในความไพเราะของบทร้อยกรอง เป็นพื้นฐานในการแต่งคำประพันธ์ สื่อในการถ่ายทอดคุณธรรม คติธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่เยาวชน ส่งเสริมให้มีจิตสำนึกทางวัฒนธรรมของคนในชาติ


บทหลัก




   1. นมัสการมาตาปิตุคุณ



พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูล)


ข้าขอนพชนกคุณ        ชนนีเป็นเค้ามูล
ผู้กอบนุกูลพูน
       
ผดุงจวบเจริญวัย
ฟูมฟักทนุถนอม
       
บ บำราศนิราไกล
แสนอยากเท่าไรๆ
       
บ คิดอยากรำบากกาย
ตรากทนระคนทุกข์
       
ถนอมเลี้ยง ฤ รู้วาย
ปกป้องซึ่งอันตราย
       
จนได้รอดเป็นกายา
เปรียบหนักชนกคุณ        ชนนีคือภูผา
ใหญ่พื้นพสุนธรา
       
ก็ บ เทียบ บ เทียมทัน
เหลือที่จะแทนทด
       
จะสนองคุณานันต์
แท้บูชไนยอัน
        อุดมเลิศประเสริฐคุณ


ถอดคำประพันธ์ : อัน คุณของบิดามารดานั้นยิ่งใหญ่นัก ตั้งแต่เราได้ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกใบนี้ บุคคลแรกที่เราจำความได้สองท่านนี้ ก็คอยฟูมฟัก ทะนุถนอมเลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่ แม้บางครั้งจะมีอุปสรรคที่ร้ายแรงเพียงใดท่านก็ไม่เคยหวาดหวั่น ต่อสู้ และฝ่าฟันเพื่อบุตรทุกประการ หากจะเปรียบคุณของบิดามารดานั้นดูยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะยกภูเขาทั้งลูก แผ่นดินทั้งแผ่นมาเทียมได้ มากมายมหาศาลเหลือเกิน แม้การที่เราจะทดแทนบุญคุณทั้งหมดคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เพียงแค่เรากระทำตนเป็นคนดีของสังคม กตัญญูรู้คุณต่อท่านเท่านี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว


 



 



 



 



 



 



 



 



นมัสการอาจริยคุณ



พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูล)


อนึ่งข้าคำนับน้อม        ต่อพระครูผู้การุญ
โอบเอื้อและเจือจุน
       
อนุสาสน์ทุกสิ่งสรรพ์
ยัง บ่ ทราบก็ได้ทราบ
       
ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน
ชี้แจงและแบ่งปัน
       
ขยายอัตถ์ให้ชัดเจน
จิตมากด้วยเมตตา
       
และกรุณาบ่เอียงเอน
เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์
       
ให้ฉลาดและแหลมคม
ขจัดเขลาบรรเทาโม-
       
หะจิตมืดที่งุนงม
กังขา ณ อารมณ์
        ก็สว่างกระจ่างใจ 


คุณส่วนนี้ควรนับ        ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร
ควรนึกและตรึกใน
        จิตน้อมนิยมชม


ถอดคำประพันธ์ : ขอ ความเคารพนอบน้อมต่อครู ผู้มีความกรุณา เผื่อแผ่อบรมสั่งสอนศิษย์ทุกสิ่ง ให้มีความรู้ ทั้งความดี ความชั่ว ชั่วขยายความให้เข้าใจแจ่มแจ้ง มีเมตตากรุณา กรุณาเที่ยงตรง เคี่ยวเข็ญให้ฉลาดหลักแหลม ช่วยกำจัดความโง่เขลา ให้มีความเข้าใจแจ่มชัด พระคุณดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นเลิศในสามโลกนี้ ควรระลึกและน้อมใจชื่นชมยกย่อง


 


 



 


 



 



 



อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง



พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดหล้านภาลัย


ว่าพลางทางชมคณานก        โผนผกจับไม้อึงมี่
เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี
       
เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
นางนวลจับนางนวลนอน
       
เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจับจากจำนรรจา
       
เหมือนจากนางสการะวาตี
แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง
       
เหมือนร้างท้องมาหยารัศมี
นกแก้วจับแก้วพาที
       
เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา
ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร
       
เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา
เค้าโมงจับโมงอยู่เอกา
       
เหมือนพี่นับโมงมาเมื่อไกลนาง
คับแคจับแคสันโดษเดี่ยว
       
เหมือนเปล่าเปลี่ยวคับใจในไพรกว้าง
ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง
        คะนึงนางพลางรีบโยธี                                       


ถอดคำประพันธ์: ครั้นแล้วท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จนั่งที่ประทับที่ประดับด้วยมณีทั้งหลาย พระองค์มองเห็นถึงพระอนุชาทั้ง ๒ คน จึงเรียกให้มานั่งที่ประทับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ครั้นแล้วจึงความเป็นไปของบ้านเมือง และบอกถึงความประสงค์ของตนว่าที่เรียกอนุชาทั้ง 2 มาเพื่อจะให้ช่วยไปตีเมืองดาหาขอให้ทั้งสอง ช่วยตีเมืองให้ได้ชัยชนะเร็วไว เจ้าเมืองผู้น้องทั้งสองจึงได้รับสนองผู้เป็นพี่ ครั้งใดที่ท้าวกะหมังกุหนิงมีศึกเจ้าเมืองน้อยทั้งสองก็จะออกอาสาไม่ย่อท้อ ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตจะสู้จนกว่ากำลังวังชาจะสูญสิ้นไป


 


 


 


 



 


 


 



 



ลิลิตเลงพ่าย



สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส


เบื้องนั้นนฤนาถผู้        สยามินทร์
เบื่ยงพระมาลาผิน
       
ห่อนพ้อง
ศัตราวุธอรินทร์
       
ฤาถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง
       
ปัดด้วยขอทรง
บัดมงคลพ่าห์ไท้
       
ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด
       
ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด
       
คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้
       
ท่วงท้อทีถอย
พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน
       
ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล
       
พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล
       
เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน
       
ขาดด้าวโดยขวา
อุรารานร้าวแยก
       
ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ
       
ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ
       
สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น
        สู้ฟ้าเสวยสวรรค์


ถอดคำประพันธ์:   บุญญานุภาพแห่งพระนเรศวรมหาราชกษัตริย์แห่งแผ่นดินสยาม ข้าศึกได้ยินพระเกียรติยศชื่อเสียง ก็พากันเกรงพระบรมเดชานุภาพ ฤทธิ์ของพระองค์ดั่งพระรามที่ปราบยักษ์ก็ปานกัน เมื่อทำสงครามข้าศึกก็ต้องพ่ายแพ้ทุกครั้ง
ข้าศึกพินาศไปเหมือนทหารยักษ์ พระองค์ดั่งพระรามอวตารลงมาปราบยุคเข็ญ ข้าศึกแม้ตั้งแสนก็ไม่อาจต่อสู้ฤทธิ์พระองค์ได้ พากันตกใจกลัวแล้วหนีไป
เสร็จศึกแล้วก็ขึ้นครองราชสมบัติ พระบารมีของพระองค์ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นดุจแสงเดือนที่ส่องอยู่บนท้องฟ้าทุกแห่งหนทั่วบ้านเมืองมีแต่ความสมบูรณ์ ปราศจากความทุกข์ใดๆทั้งสิ้น จนเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญทั่วไปทุกแหล่งหล้า


 



 



 



 



 



 



 



 





 



มหาเวสสันดรชาตก กัณฑ์มัทรี



เจ้าพระยาคลัง (หน)


...จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามจ้าไปในยามนี้

ฝูงลิงค่างบ่างชนะที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล...


ถอดคำประพันธ์:   พระพุทธเจ้า ข้า ตั้งแต่เกล้ากระหม่อมฉันตกมาเป็นข้าน้อย พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อน จึงเคืองค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่าว่า มัทรีนี้เป็นข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกจากนั้นที่แน่นอนคือ นางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อน กาล ยังจะติดตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ
















กาพย์เห่เรือ ตอน เห่ชมเรือกระบวน



เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)


โคลงสี่สุภาพ

ปางเสด็จประเวศด้าว ชลาลัย
ทรงรัตนพิมานชัย กิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกร แหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้ว เพริศพริ้งพรายทอง

กาพย์ยาณี 11

พระเสด็จโดยแดนชล
        ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งเเก้วแพร้วพรรณราย
       
พายอ่อนหยับจับงามงอน
นาวาแน่นเป็นขนัด
       
ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอน
       
สาครลั่นครั่นครื้นฟอง
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว
       
ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง
       
ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
สรมุขมุขสี่ด้าน
       
เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา
       
หลังคาแดงแย่งมังกร
สมรรถชัยไกรกาบแก้ว
       
แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร
       
ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน
สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย
       
งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรมมินทร์
       
ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
เรือชัยไวว่องวิ่ง
       
รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม
        ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน


ถอดคำประพันธ์: พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารคได้ประทับบนเรือต้นในการเดินทางภาพของเรือกิ่งนั้นดูแพรวพราวภาพการพายเรือนั้นก็ดูอ่อนไหวงดงามอย่างพร้อมเพรียงกัขบวนเรือนั้นแน่นเป็นแถวเป็นแนวประกอบด้วยเรือที่หัวเรือเป็นรูปสัตว์หลายๆชนิดมองเห็นธงเด่นสะพรั่งการตามระลอก



 








 



 



สามัคคีเภทคำฉันท์



ชิต บุรทัต


พึงมรรยาทยึด สุประพฤติสงวนพรรค์
รื้อริษยาอัน อุปเฉทไมตรี
ดั่งนั้น ณ หมู่ใด ผิ บ ไร้สมัครมี
พร้อมเพรียงนิพัทธ์นี รวิวาทระแวงกัน
หวังเทอญมิต้องสง สยคงประสบพลัน
ซึ่งสุขเกษมสันต์ หิตะกอบทวิการ
ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ
หักล้าง บ แหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน
ป่วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริฐครัน
ฤๅสรรพสัตว์อัน เฉพาะมีชีวีครอง
แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็ม
เหล่าไหนผิไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน
กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพรียงกัน
อย่าปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริญอัน
มวลมาอุบัติบรร ลุไฉน บ ได้มี
ปวงทุกข์พิบัติสรร พภยันตรายกลี
แม้ปราศนิยมปรี ติประสงค์ก็คงสม
ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม
สามัคคิปรารม ภนิพัทธรำพึง
ไป่มีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง
เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัยฯ


ถอดคำประพันธ์ : พราหมณ์เจตนาหาเหตุยุแหย่ซ้ำเติมอยู่เสมอ ๆ  แต่ละครั้ง แต่ละวัน นานนานครั้ง  เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญพระกุมารเสด็จไปโดยไม่มีสารประโยชน์อันใด  แล้วก็แกล้งทูลถาม  บางครั้งก็พูดว่า นี่แน่ะข้าพระองค์ได้ยินข่าวเล่าลือกันทั่วไป  เขานินทาพระกุมารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดสน  จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือ  พิเคราะห์แล้วไม่น่าเชื่อ  ณ ที่นี้ไม่ขอให้เล่ามาเถิด 


 



 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น